กรมเจ้าท่าจับมือร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวบูรณาการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ หลังเกิดอุบัติเหตุเรือสปีดโบ๊ทชนกันที่จังหวัดภูเก็ต.
จากกรณีเหตุเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำ ชื่อสตกมล 333 และ เรือพิมพ์รชา 5 ชนกันบริเวณอ่าวสะปำ ปากทางเข้าท่าเทียบเรือรอยัลภูเก็ตมารีน่า ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ล่าสุดวันนี้ (18 ม.ค. 61)
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบเรือ สตกมล 333 ซึ่งจอดเก็บอยู่ภายในพื้นที่ของโบ้ท ลากูน มารีน่า ภูเก็ต จากการตรวจสอบตัวเรือพบว่ากาบเรือด้านซ้ายได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถลอยน้ำได้ แต่เครื่องยนต์ไม่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ เรือพิมพ์รชา 5 นั้น จอดลอยลำอยู่ในจุดจอดเรือ สภาพมีเพียงรอยถลอกเล็กน้อย
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อดูสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในฝั่งพังงา กระบี่ ภูเก็ต ที่มีเรือสปีดโบ๊ทจำนวนมาก กว่า 1,800 ลำ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ โดยบูรณาการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจในพื้นที่ รวมถึงการพูดคุยกับผู้ประกอบการเพื่อให้มีความระมัดระวังในการให้บริการ ต้องตรวจสภาพเรือปีละ 1 ครั้งเพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ส่วนเรื่องปัญหาน้ำลงจนทำให้เกิดสันดอนทรายอาจก่อให้เกิดอันตรายในการสัญจร ทางกรมเจ้าท่าก็จะช่วยในการขุดลอกเพื่อให้สามารถเดินเรือได้อย่างปลอดภัย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องเรือคือเรื่องคน เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการเรือจะต้องมีความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกในการจ้างคนขับเรือที่มีประสบการณ์ความรู้ โดยจากนี้ไปการบังคับใช้กฎหมาย จะต้องเข้มงวดทุกส่วน ทั้งเรื่องคน เรื่องเรือ โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะบูรณาการกับกรมเจ้าท่าในการตรวจเรือในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญทางทะเลทุกจังหวัด ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องเน้นในเรื่องของความปลอดภัยอย่างสูงสุดกำไรขาดทุนเป็นเรื่องรอง
จากนั้นคณะได้ลงเรือเพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุบริเวณอ่าวสะปำ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นต่อไป




