การศึกษาประเด็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย
เมื่อวันที่วันที่ 10 เมษายน 2561 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมรายา ชั้น 2 โรงแรมรอยัล ภูเก็ตซิตี้ จังหวัดภูเก็ตนางศิรวี วาเล๊าะ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ร่วมงานพิธีเปิด โครงการศึกษาประเด็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย โดยมี นายวัฒนา โชคสุวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท อี เอ เอส มาริไทม์เอเยนซี่ (ไทยแลนด์)จำกัด ที่ปรึกษากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวัลลภ พงษ์เลื่องธรรม ผู้จัดการทั่วไปท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (บริษัท วินเวสต์เม้นท์ จำกัด) นางจริญญา แก้วใส กรรมการผู้จัดการ ศูนย์ฝึกอบรมงานเรือสำราญและงานโรงแรม อาจารย์ ดร.ไพฑูรย์ มนต์พานทอง หัวหน้าโครงการ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิตคณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ศูนย์ภูเก็ต Mr. Ronert Kinkhorst, Cruise Consultant and Bran Ambassador, Oceania Cruise ผู้ประกอบการนำเที่ยว มัคคุเทศก์ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
การเสวนาในครั้งนี้มีการบรรยายเรื่อง What Thailand should act to response the growth of cruise tourism โดย Mr. Ronert Kinkhorst, Cruise Consultant and Bran Ambassador, Oceania Cruise การนำเสนอผลงานวิจัยโครงการ โดยอาจารย์ ดร.ไพฑูรย์ มนต์พานทอง การเสวนาเรื่อง ประเด็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย โดย นายวัฒนา โชคสุวณิช นายวัลลภ พงษ์เลื่องธรรม นางจริญญา แก้วใส อาจารย์ ดร.ไพฑูรย์ มนต์พานทอง
ดร.ไพฑูรย์ มนต์พานทอง กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเรือสำราญมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้หลายประเทศให้ความสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญเพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขัน โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียมีการพัฒนาท่าเรือสำราญให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับเรือสำราญที่มีขนาดใหญ่และการเติบโตของการท่องเที่ยวเรือสำราญ ในขณะที่การท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทยซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่มีศักยภาพ แต่ยังคงมีปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับท่าเรือ การบริหารจัดการท่าเรือ นโยบายการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเรือสำราญ ระบบโลจิสติกส์และการขนส่งสาธารณะ และการพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากรด้านการจัดการการท่องเที่ยวเรือสำราญ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาการจัดการท่าเรือเพื่อสะท้อนให้เห็นประเด็นความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย โดยการศึกษาเรื่อง “ประเด็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย” ได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเป็นทุน ที่ได้รับจาก Director Initiated Grant (DIG) ภายใต้ระยะเวลาในการศึกษา 8 เดือน
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อเสนอความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้
1) เพื่อสรุปสถานการณ์และบริบทการท่องเที่ยวเรือสำราญที่ส่งผลต่อการจัดการ การท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย
2) เพื่อประเมินปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย
3) เพื่อประเมินศักยภาพของท่าเรือของประเทศไทยและนำเสนอช่องว่างของการเป็นท่าเรือหลักหรือท่าเรือแวะพัก
จากการทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการบริหารจัดการท่าเรือสำราญ ที่ประสบความสำเร็จ (Best practice) ซึ่งได้เกณฑ์ท่าเรือต้นแบบในการสำรวจท่าเรือเพื่อให้เห็นถึงศักยภาพของท่าเรือในประเทศไทย ซึ่งผลการศึกษาการสำรวจท่าเรือเพื่อประเมินปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการท่องเที่ยวเรือสำราญในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือภูเก็ต และท่าเรือเกาะสมุย โดยการเปรียบเทียบกับท่าเรือที่ได้มาตรฐาน พบว่า ตัวท่าเรือยังมีข้อจำกัดอยู่แทบทุกด้าน เช่น ท่าเทียบเรือ ความลึกของร่องน้ำ ความสามารถในการรองรับเรือสำราญ โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ การบริการพื้นฐานของท่าเรือ ระบบโลจิสติกส์การขนส่งสาธารณะ และการเชื่อมต่อการเข้าถึงท่าเรือ เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเรือสำราญที่จะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข
จากผลการศึกษาที่กล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยได้ทำการสรุปประเด็นหลักๆ เบื้องต้นเพื่อนำเสนอ “ประเด็นความเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย” ซึ่งประกอบไปด้วย
ประเด็นเร่งด่วนที่ 1 การพัฒนาการจัดการท่าเรือ
ประเด็นเร่งด่วนที่ 2 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
ประเด็นเร่งด่วนที่ 3 การพัฒนาความรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเรือสำราญ
ประเด็นเร่งด่วนที่ 4 การพัฒนานโยบายและส่งเสริมการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเรือสำราญ
การศึกษาในครั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชนสามารถนำผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ โดยหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมเจ้าท่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา เป็นต้น ส่วนหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ บริษัทนำเที่ยว
บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวบนฝั่ง และบริษัทตัวแทนสายการเดินเรือ เป็นต้น โดยหน่วยงานดังกล่าวสามารถนำผลการศึกษาไปใช้ใน การวางแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย การพัฒนาสินค้าและบริการสำหรับ การท่องเทียวเรือสำราญ ภาคีที่เกี่ยวข้องของเกิดการตระหนักและเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว เรือสำราญ เกิดการสร้างเครือข่ายระหว่างกระบวนการทำวิจัย เป็นองค์ความรู้ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมและวงการการศึกษา เป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาในประเด็นเรือสำราญในอนาคต และสามารถสร้างนักวิจัยใหม่










