




ภูเก็ต 1 ใน 20 จังหวัดต้นแบบของประเทศ จัดการศึกษาเชิงพื้นที่ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 เวลา 10.00 น. นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานการแถลงข่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพบสื่อมวลชนครั้งที่ 11/2562 ณ ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสื่อมวลชน เข้าร่วม
โอกาสนี้ได้มีการแถลงข่าว โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็น 1 ใน 20 จังหวัดต้นแบบของประเทศไทย มีนายบัณฑูร ทองตัน ประธานสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ,นางพภัสสรณ์ สมพรานนท์ เลขานุการประชาสัมพันธ์โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จังหวัดภูเก็ต/คณะกรรมการการจัดการศึกษาโดยครอบครัว และ นายสุริยา สุขสม นักเรียนชั้น ม.6/2 โรงเรียนกะทู้วิทยา ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
นายบัณฑูร ทองตัน ประธานสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางด้านการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเศรษฐกิจลงได้ โดยทุกภาคส่วนต้องระดมสรรพกำลังช่วยกันทำให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาให้เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา รวมไปถึงการพัฒนาทักษะทางด้านอาชีพ และการเสริมสร้างคุณภาพ ประสิทธิภาพแก่ครู และสถานศึกษาให้มีความพร้อมในการจัดการศึกษาให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีคุณภาพ
จังหวัดภูเก็ตโดยมูลนิธิสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ตจึงได้จัดโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ความเสมอภาคทางการศึกษา จังหวัดภูเก็ตขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ภายใต้โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ตอันเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา “ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง : เพื่อคุณภาพการศึกษาของเยาวชนจังหวัดภูเก็ต”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของกลไกสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาระดับจังหวัด ในการดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายด้วยเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่ ให้เห็นผลภายใน 3 ปี เพื่อที่จังหวัดจะดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาให้เกิดระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการวางแผนลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และติดตามช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย พัฒนาระบบตัวอย่างเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาของเด็กปฐมวัยในครอบครัวที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส และเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษา และกลุ่มเป้าหมายอื่นที่จังหวัดสนใจได้โดยมี พื้นที่ดำเนินการและกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ อำเภอเมืองภูเก็ตครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กปฐมวัย จำนวน 17,554 คน (62%) กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา จำนวน 1,751 คน (47%) และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ต้องพัฒนา 36 แห่ง เพื่อนำเข้าสู่ระบบการติดตามประเมินผลคัดกรอง พร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการและเข้าสู่ระบบการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยา ตามแผนการช่วยเหลือเพื่อสร้างความเสมอภาคลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สู่โอกาสให้เด็กกล้าที่จะก้าวตามฝัน มีความหวังและเป็นอนาคตของชาติได้อย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับการดำเนินงานโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต จะใช้กลไกการบริหารจัดการเชิงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยกลไกที่จะทำหน้าที่สำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครื่องมือที่ กสศ. กำหนดไว้ คือ กลุ่มปฐมวัยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และกลุ่มเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา
ส่วนงานด้านการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จากข้อมูลการประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) (สมศ.) เมื่อปี พ.ศ. 2558-2559 พบว่าจังหวัดภูเก็ตไม่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่อยู่ในเกณฑ์ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน แต่คณะทำงานโครงการมีความเห็นว่ายังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบางแห่งควรจะต้องมีการสำรวจคุณภาพศูนย์เด็กเล็กอีกครั้ง และจะต้องมีการประเมินซ้ำด้วยมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ เพื่อวางแผนการพัฒนาได้อย่างเหมาะสม
จากการประมวลข้อมูลในข้างต้นสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต จึงเลือกอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นพื้นที่ดำเนินการ เนื่องจากเป็นพื้นที่เหมาะสมในด้านข้อมูลประชากรกลุ่มเป้าหมาย มีความหลากหลายของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นจุดแข็งในการพัฒนาคน มีเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้มแข็ง
นายบัณฑูร ทองตัน ประธานสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า มูลนิธิสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต กำหนดจัดการประชุมชี้แจงการดำเนินงานโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 26 สิงหาคม 2562 เวลา 09.00-12.00 น.ณ ห้อง Dara Theatre ชั้น G โรงแรมดารา จังหวัดภูเก็ตโดยมีมูลนิธิสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับองค์กรภาคีความร่วมมือ ประกอบด้วย หน่วยงานหลักในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต สำนักงาน กศน. จังหวัดภูเก็ต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต มูลนิธิบ้านเด็กตะวันฉาย มูลนิธิพิทักษ์เด็กภูเก็จและนายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ชี้แจงดำเนินงานตามโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และพิธีลงนามความร่วมมือดังกล่าว รวมถึงการชี้แจงภาพรวมของระบบสารสนเทศ เพื่อการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ในรูปแบบของ workflow การดำเนินงานและแนวทางการปฏิบัติงาน และการอบรมเชิงปฏิบัติการระบบสารสนเทศเพื่อการดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา
นางพภัสสรณ์ สมพรานนท์ กล่าวว่า ผลจากการพัฒนาก็ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน เพื่อประกอบอาชีพในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ทั้งการเข้ามาอาศัยแบบถาวรและเป็นการชั่วคราวตามฤดูกาล ของการท่องเที่ยว การนำบุตรหลานติดตามมาโดยไม่ได้ย้ายเข้าทะเบียนราษฎร์ อาจทำให้การเรียนขาดช่วง เด็ก ไม่ได้รับโอกาสได้เข้าเรียนตามปกติที่ควรเป็น อีกทั้งการที่พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานเพราะปัญหาค่าครองชีพก็ดี ฯลฯ อาจทำให้เด็กและเยาวชนส่วนหนึ่งไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เด็กบางคนต้องออกจากการเรียนกลางคัน ทำให้ขาดโอกาสทางการศึกษา ก่อให้เกิดปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมตามมาที่ไม่เป็นประโยชน์เลยกับการเป็น เมืองท่องเที่ยวนานาชาติของจังหวัดภูเก็ต ดังนั้น โครงการ “การจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต” เป็นการลดขนาดพื้นที่จัดการ และเพิ่มการประสานวิสัยทัศน์ ความร่วมมือ และทรัพยากรระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาระบบการศึกษาของพื้นที่ด้วยกันในลักษณะของการเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต สำนักงาน กศน. จังหวัดภูเก็ต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต ในการค้นหากลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของโครงการเข้ามาสนับสนุน ช่วยเหลือและร่วมมือในการจัดการศึกษา คือทิศทางที่เป็นคำตอบต่อโจทย์อันท้าทายของประเทศ โดยอาศัยข้อมูลสารสนเทศจากพื้นที่ตามสภาพจริง มาเป็นฐานในการแก้ปัญหาการจัดการศึกษา ที่สนองตอบความต้องการของผู้เรียนตามความสนใจและความถนัด สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น จะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ยกระดับคุณภาพระบบการศึกษา และเพิ่มโอกาสการมีงานทำให้กับประชากรของประเทศในอนาคตในภาพรวม
นายสุริยา สุขสม นักเรียนชั้น ม.6/2 โรงเรียนกะทู้วิทยา กล่าวว่าตนเองเคยประสบปัญหาในครอบครัวบิดาไม่สบายจึงไม่สามารถทำงานได้ ครอบครัวจึงขาดรายได้ ทำให้ไม่มีเงินไปโรงเรียนและเกือบจะขาดโอกาสทางการศึกษาแต่ด้วยการช่วยเหลือของหลายภาคส่วนทำให้ตนเองได้มีโอกาสกลับเข้ามาเรียนอีกครั้ง จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนและโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ที่ให้ความสำคัญในการให้โอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชน ที่ขาดโอกาส ในจังหวัดภูเก็ต
