สรรพากรภูเก็ตจัดอบรมโครงการ รวมพลังสร้างความเข้มแข็ง SMEs ไทย ด้วยบัญชีชุดเดียว แก่ผู้ประกอบการ บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เพื่อรับฟังข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระราชกำหนดการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมธนารักษ์ ชั้น 3 อาคารศูนย์ราชการกระทรวงการคลัง นางจำเนียร ชูเกียรติ สรรพากรพื้นที่ภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานอบรมในโครงการ รวมพลังสร้างความเข้มแข็ง SMEs ไทย ด้วยบัญชีชุดเดียว โดยได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักตรวจสอบภาษีระดับเชี่ยวชาญ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรในการอบรมในครั้งนี้ โดยมี ผู้ประกอบการนิติบุคล บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เข้าร่วม
นางจำเนียร ชูเกียรติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศพระราชกำหนดการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 โดยเนื้อหาตามพระราชกำหนด ฯ และพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดใน หรือก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ไม่เกิน 500 ล้านบาท และจดแจ้งการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ (บัญชีชุดเดียว) ต่อกรมสรรพากร จะได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดอยู่ระหว่างถูกการตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการดำเนินคดี ก่อนวันที่ 1 มกราคม2559 บริษัทยังคงสามารถจดแจ้งการใช้บัญชีชุดเดียวต่อกรมสรรพากรได้ โดยกรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้น ๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องไม่มีรอบระยะเวลารอบบัญชีใดที่มีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีเกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีเกิน 30 ล้านบาท และได้มีการจดแจ้งต่อกรมสรรพากรในการใช้บัญชีชุดเดียว จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคล 2 รอบระยะเวลาบัญชี บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะถูกเพิกถอนจากการยกเว้นการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง และให้ถือว่าบริษัทนั้นไม่เคยได้รับสิทธิใด ๆ ตามพระราชกำหนดฉบับนี้ และให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการเพื่อให้สถาบันการเงินที่อยู่ในการกำกับดูแล ใช้บัญชีและงบการเงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะดำเนินการที่จำเป็น เพื่อให้สถาบันการเงินที่อยู่ในการกำกับดูแล ใช้บัญชีและงบการเงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นภาษีเงินได้ เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงินและนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ วางแผน เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการให้ตรงตามความต้องการ ทั้งนี้เพื่อสะท้อนสภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศและเพิ่มศักยภาพทางการผลิตและการค้า รวมถึงเป็นการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีต่อไป