ชาวเลราไวย์ขึ้นศาลจังหวัดภูเก็ตหลังถูกฟ้องบุกรุกฯ

กันยายน 15, 2016 ข่าวทั่วไป 1,323

ชาวเลราไวย์ขึ้นศาลจังหวัดภูเก็ตหลังถูกฟ้องบุกรุกฯที่อยู่อาศัยเบื้องต้นศาลปล่อยตัวชั่วคราว นัดให้การอีกครั้งเดือนเมษายน 2560.

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2559 นายบัญชา หาดทรายทอง ชาวเลราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ตพร้อมด้วยนาย นายพสิษฐ์ ถาวรล้ำเลิศ ทนายความเดินทางมาที่ศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อรายงานตัวตามคำสั่งศาลจังหวัดภูเก็ตหมายเลขคดีดำที่ 1869/2559 ซึ่งคดีดังกล่าวนางสาวจินดารักษ์ ธรรมจักรได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องฐานบุกรุกฯในที่ดินหมู่บ้านชาวเลฯหมู่ที่2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ตโดยในวันนี้ศาลจังหวัดภูเก็ตได้นัดพร้อมครั้งเเรกฝ่ายโจทย์เเละจำเลยเพื่อให้การ

นายบัญชา หาดทรายทอง กล่าวภายหลังขึ้นศาลว่า ตนเองเป็นหนึ่งในชาวเลฯกว่า 10คนที่ถูกฟ้องบุกรุกฯทั้งๆที่ ที่ดินดังกล่าวตนเองเเละครอบครัวได้อาศัยมาตั้งแต่รุ่นปู่ รวมอายุกว่า 100 ปีมาถึงรุ่นพ่อซึ่งขณะนี้พ่อมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว ส่วนตนเองนั้นปัจจุบันอายุ 45 ปีโดยอาศัยในพื้นที่ประมาณ 100 ตารางวา อยู่ตรงกลางหมู่บ้านชาวเลไม่ไกลกับจุดที่พบกระดูกของบรรพบุรุษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและหลายหน่วยงานร่วมตรวจสอบ เดิมทีเคยเปิดเป็นร้านแกลเลอรี่ขายรูปภาพแต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นร้านอาหาร หลังจากที่มีการอ้างเอกสารสิทธิ์ทำให้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้ถูกฟ้องร้องมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกศาลฯชั้นต้นยกฟ้องเเต่โจทย์ได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลได้ถอนฟ้องเนื่องจากโจทย์คนเดิมคือนายจำเริญ มุกดี ซึ่งเป็นปู่ของนางจินดารักษ์ได้เสียชีวิต ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามซึ่งนางสาวจินดารักษ์ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องใหม่ในคดีละเมิด บุกรุก ขับไล่ และศาลฯรับฟ้อง โดยวันนี้ศาลฯได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องประกันตัว เเต่ให้มาตามนัดของศาลฯ ซึ่งจะนัดให้การอีกครั้งในเดือนเมษายนปีหน้า

สำหรับพื้นที่ดังกล่าวในรายของนางสาวจินดารักษ์ ผู้ฟ้องระบุว่า มีการออกเอกสารสิทธิ์ครอบคลุมพื้นที่จำนวน 12 ไร่จากทั้งหมดซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวเลอาศัยจำนวน19 ไร่ ปัจจุบันในพื้นที่ 12 ไร่ที่ผู้ฟ้องครอบครองตามเอกสารสิทธิ์นั้น มีชาวเลอาศัยอยู่รวมกว่า 80 ครัวเรือนมีผู้ถูกฟ้องร้องละเมิด บุกรุก ขับไล่เเล้วกว่า 10 ราย และนอกจากนี้ในพื้นที่รวม19 ไร่นั้นมีการฟ้องร้องชาวเลรวมกว่า 100 คน

อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่ฟ้องร้องดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตได้มีแผนที่จะซื้อที่ดินทั้งหมด19 ไร่ จากเอกชนผู้อ้างกรรมสิทธิ์เพื่อพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยให้กับชาวเลฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี.