ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ภูเก็ตร่วมประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video ConferenceSystem) เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยรัฐบาลกำหนด มาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 2 และมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงไว้  3 มาตรการหลัก คือ การเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก/น้ำ/อากาศ ปรับระยะเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานเป็น  23.00 น. – 04.00 น. และงดหรือชะลอการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดยกเว้นกรณี มีเหตุจำเป็น

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2563   ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานนำ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนายอำเภอทุกอำเภอ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video ConferenceSystem) เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) และรับนโยบายจากพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานการประชุมฯ

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงแนวทางและมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ติดตามการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เน้นย้ำ เรื่องการมีสุขอนามัยของพี่น้องประชาชนเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ขอให้ ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรทุกภาคส่วน ถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อให้เกิดความร่วมมือและร่วมกันควบคุมยับยั้งไวรัสโควิด-19 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในส่วนของ มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงไว้ ได้แก่

-การเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก/น้ำ/อากาศ ยังคงมาตรการเดิม

-ปรับระยะเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานเป็น   23.00 น. – 04.00 น.

-งดหรือชะลอการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด ยกเว้นกรณีมีเหตุจำเป็น

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานข้อมูลสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ พร้อมมาตรการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ต่อที่ประชุมฯ กระทรวงมหาดไทย

พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ภูเก็ต รายงานผลการดำเนินงานรับผิดชอบคัดกรอง การเดินทางทางบก ที่ บริเวณด่านท่าฉัตรไชย โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบันโดยวางเป้าหมายภูเก็ตต้องปลอดภัยจากโรคระบาดCOVID-19 ยาเสพติด อาชญากรรมและการก่อการร้าย โดยทำการเก็บข้อมูลบุคคลผู้ที่เข้าออกจังหวัดภูเก็ตทุกรายนำไปเชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุขและฐานข้อมูลกับขนส่งทางบกและกรมการปกครองเพื่อตรวจหาบุคคลและยานพาหนะตามฐานข้อมูล ในระบบ Big Data ซึ่งสามารถแจ้งเตือนข้อมูลให้แก่ส่วนที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดีและสามารถนำข้อมูลบุคคลที่เข้าออกเก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบอาทิสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตรวมถึงส่งข้อมูลให้จังหวัดปลายทางได้รับทราบโดยมีการส่งข้อมูลทุกวัน

ขั้นตอนการปฏิบัติดำเนินการในขั้นตอนดังนี้

1. นำประกาศของจังหวัดภูเก็ตและของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยออกประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางทั้งสื่อกระแสหลักคือช่องทางออนไลน์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ในการเข้าออกของประชาชนถึงมาตรการล็อคดาวว่ามีมาตรการอย่างไรและประชาชนต้องดำเนินการอย่างไร

2. ทำการ สนธิกำลังและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาติดตั้ง เพื่อให้การคัดกรองมีประสิทธิภาพสูงสุดมีความสะดวกรวดเร็วและปัญหาการจราจรที่แออัด วางกำลังพล 101 นาย 3 ผลัดๆ ละ 8 ชั่วโมงโดยมีรองผู้บังคับการตำรวจเป็นผู้บัญชาการทุกวัน ได้ดำเนินการ เพิ่มช่องทางการเข้า-ออก ขาเข้า 4 ช่องทางและขาออก 3 ช่องทาง

-มีการติดตั้งกล้องตรวจจับใบหน้า กล้องตรวจจับทะเบียนรถและกล้องตรวจจับอุณหภูมิโดยมีระบบแจ้งเตือน

-ติดตั้งระบบประมวลผลในรอบวัน/รอบสัปดาห์และรอบเดือนเพื่อนำสรุปเป็นข้อเสนอให้แก่จังหวัดได้ง่ายต่อการบริหารจัดการ

-มีจอ ccoc ควบคุมและจัดการเป็นการเชื่อมโยงสัญญาณภาพจากด่านท่าฉัตรไชยไปยังศูนย์ 191

-จัดทำ application การลงทะเบียนในระบบออนไลน์เพื่อความสะดวกในการจัดระบบและการคัดกรองบริเวณด่านท่าฉัตรไชยทั้งในส่วนของประชาชนที่ได้รับการยกเว้นและประชาชนที่มีความจำเป็นในการเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ตโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับพันตำรวจเอกเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ

นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ตกล่าวรายงานว่า จังหวัดภูเก็ตได้กำหนดมาตรฐานผู้ปฏิบัติงานของผู้ประกอบการเรือบนเรือและผู้โดยสารเรือ
จัดให้มีจุดคัดกรองอาการป่วยไอจามหรือเป็นหวัดในอาคารผู้โดยสารสำหรับผู้ใช้บริการก่อนเข้าอาคารผู้โดยสาร

-จัดวางแอลกอฮอล์เจลและจัดจุดบริการล้างมือในพื้นที่อาคารผู้โดยสาร

– ทำความสะอาดที่นั่งที่พักผู้โดยสารทุกๆ 2 ชั่วโมง

– อนุญาตให้เฉพาะคนที่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเข้าใช้บริการเท่านั้น

– พนักงานประจำท่าเทียบเรือทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา และจัดรักษาระยะทางระหว่างผู้ใช้บริการอย่างน้อย 1-2 เมตร

– จัดพื้นที่ระหว่างนั่งรอและลงและมีระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร

– จัดได้มีการระบายอากาศที่เพียงพอ

– จัดได้มีกล้องวงจรปิดเพื่อใช้ในการบันทึกการให้และการใช้บริการ
– จัดทำทะเบียนบันทึกผู้มีอาการป่วยผู้โดยสาร
– สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคน
– หมั่นล้างมือและทำความสะอาด
– ควรพิจารณาเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งและยืนภายในเรืออย่างน้อย 2 เมตร

ผู้แทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต รายงานว่าสนามบินภูเก็ตยังคงปิดบริการตาม

ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้จำนวน 3 มาตรการคือ ในส่วนของผู้โดยสารจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและจะต้องมีตั๋วเดินทางจึงจะเข้าไปภายในอากาศยานภูเก็ตได้

-ท่าอากาศยานภูเก็ตดำเนินการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนจำนวน 5 เครื่องในอาคารทั้ง 2 อาคาร คืออาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ

-ทำการสแกนผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก

-ทำการคัดกรอง วัดอุณหภูมิผู้โดยสารทุกราย

-เน้นการ big cleaning ทำความสะอาดท่าอากาศยานภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของรถเข็นสัมภาระ/ราวบันได/ลูกบิดประตู/

-กำหนดจัดการเว้นระยะห่างทางสังคมทั้งเคาน์เตอร์เช็คอิน บริการต่างๆ

-ทุกคนที่เข้าสู่อาคารจะต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย

และกำหนดให้มีการติดตั้งแอพพลิเคชั่น จัดทำเอกสารเพื่อประโยชน์ส่งต่อให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามข้อมูลของผู้โดยสาร

Comments are closed.