ติดตามการประเมินสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันโรคภายหลังจากที่ ศบค. ประกาศผ่อนปรนในกลุ่มกิจกรรมและกิจการ

ภูเก็ตประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตครั้งที่ 33/2563 ติดตามการประเมินสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดระหว่าง วันที่ 22-26 พฤษภาคม 2563 ภายหลังจากที่ ศบค. ประกาศผ่อนปรนในกลุ่มกิจกรรมและกิจการต่างๆ พบว่าทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ ระบาดของโรคโควิด -19

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เวลา 10:50 น. นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตครั้งที่ 33/2563

โดยที่ประชุมมีการรายงานผลการประเมินสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดระหว่าง วันที่ 22-26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 โดยพบว่า

กิจกรรมที่ 1 ด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตในกลุ่มที่ 1 ซึ่งให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 พบว่าในส่วนของ การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในโรงแรม/โรงพยาบาล/ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม/ร้านสะดวกซื้อ/Supermarket /ร้านขายยา/สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม/ธนาคาร/ที่ทำการหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ กลุ่มเหล่านี้ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโลหิต -19 สูงในระดับมากกว่าร้อยละ 95

ร้านเสริมสวยแต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรี(เฉพาะ ตัดซอยผมแต่งผม) ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดสูงมากกว่าร้อยละ 90

สำหรับในกลุ่มของรถเข็น/หาบเร่/แผงลอย/ร้านค้าปลีกค้าส่งขนาดย่อม/ร้านค้าปลีกค้าส่งชุมชน /ตลาด ตลาดน้ำและตลาดนัดโดยกลุ่มเหล่านี้ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดในระดับมากกว่าร้อยละ 80

กิจกรรมที่ 2 ด้านการออกกำลังกายการดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ ซึ่งเป็นการให้ดำเนินการโดยทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 พบว่า กลุ่มสนามกอล์ฟหรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของทางราชการร้อยละ 100 ส่วนผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือร้อยละ 95

กลุ่มสนามกีฬาเฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้งและตามกติกาสากลได้แก่เทนนิสขี่ม้ายิงปืนยิงธนูผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคร้อยละ 94 ส่วนผู้ใช้บริการปฏิบัติตามร้อยละ 89

สำหรับในส่วนของสวนสาธารณะลานกิจกรรมสาธารณะ/สถานที่ออกกำลังกายสนามกีฬากีฬา(เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้งเพื่อการเดิน)/ สถานที่การให้บริการดูแลรักษาสัตว์อาบน้ำตัดขนรับเลี้ยงหรือรับฝาก ทางผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ ของทางราชการ สูงมากกว่าร้อยละ 90

สำหรับในส่วนของ กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต กลุ่มที่ 2 การผ่อนคลาย ให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 พบว่า

– การจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มในภัตตาคารศูนย์ โรงอาหารร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดสูงร้อยละ 88และผู้ใช้บริการ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามสูงร้อยละ 91

– ส่วนห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า community Mall ซึ่งเปิดดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและการให้บริการรวมทั้งร้านอาหารหรือเครื่องดื่มร้านเสริมสวยแต่งผมตัดผมหรือทำเล็บ /พบว่าผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดในการควบคุมเชื้อไวรัส Covid 19 สูงกว่าร้อยละ 90 ในทุกกิจกรรม

-ร้านค้าปลีกค้าส่งหรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่พบผู้ประกอบการให้ความร่วมมือสูงร้อยละ 94ส่วนผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือสูงร้อยละ 88

-สถานที่บริการดูแล สถานที่พำนักหรือสถานสงเคราะห์ฯที่จัดสวัสดิการให้แก่เด็กหรือผู้สูงอายุหรือผู้มีภาระพึ่งพิงผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดร้อยละ 95 ส่วนผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือสูงร้อยละ 100

-กิจการคลินิกเวชกรรมเสริมความงามสถานเสริมความงาม และร้านทำเล็บ ทั้งที่อยู่ในและนอกห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าหรือ community Mall เฉพาะการเสริมความงามทั่วเรือนร่างและผิวพรรณ / ศูนย์การเรียนรู้และห้องสมุดประชาชน/สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนสที่ไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าหรือ community / สถานที่สนามออกกำลังกายในร่มเฉพาะกีฬาประเภทที่ตามกติกาสากลที่มีได้มีการปะทะกันระหว่างผู้เล่นและต้องไม่มีผู้ชมการแข่งขัน / และศูนย์การเรียนรู้และห้องสมุดประชาชน พบว่าผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สูงมากกว่าร้อยละ 90

-พิพิธภัณฑ์แหล่งประวัติศาสตร์โบราณสถานและหอศิลป์ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สูงร้อยละ 100

ส่วนผลการใช้แพลตฟอร์ม ” ไทยชนะ” มีผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ ให้ความร่วมมือดาวน์โหลดแพลตฟอร์มดังกล่าวมากกว่า ร้อยละ 70

ดังนั้นต้องขอความร่วมมือผู้ใช้บริการสแกนเชคอิน และเชคเอ้าท์ แพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและติดตาม สถานการณ์ ตามมาตรการด้านสาธารณสุข

Comments are closed.