ภูเก็ต ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 15/2564

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 13.30น นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 15/2564 โดยงานอนามัยสิ่งแวดล้อม และงานควบคุมโรคติดต่อ โดยมี นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทย์บรรพต ปานเคลือบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลถลาง สาธารณสุขอำเภอ

หัวหน้าส่วนราชการภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมรับฟังการประชุมติดตาม สถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ โดยมีประเด็นติดตาม  ข้อเสนอ  แจ้งเพื่อทราบ ดังนี้

1. แจ้งเรื่องสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่

2. ติดตามการดำเนินงาน E0C ตำบล แต่ละพื้นที่ โดยให้แยกยอดผู้เดินทางเข้าจังหวัดทั้ง 3 ช่องทาง

3. ข้อสั่งการจากราชการบริหารส่วนกลาง

3.1.1) การกำหนดพื้นที่สถานการณ์

– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร

3.1)ข้อสั่งการเรื่องประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินโดยกำหนดดังนี้

– พื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ

– พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศ

3.1.2) การใช้อาคาร สถานที่ของโรงเรียน สถาบันการศึกษา

3.1.3) มาตราการควบคุมแบนบูรณาการที่จำเป็นสำหรับพื้นที่

3.1.4) การเข้มงวดกับสถานที่กิจกรรมเสี่ยง

3.1.5) มาตราการการเคลื่อนย้ายแรงงาน

3.1.6) มาตราการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่

3.1.7) การดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคและจัดระเบียบ

3.2) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขอให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้

3.2.1) ให้จังหวัดรับทราบและถือปฏิบัติเรื่องพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกความในมาตรา 9

3.2.2) สร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการ พนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง

3.2.3) การปรับระดับของพื้นที่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการฯ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับระดับของพื้นที่

3.2.4) กรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในพื้นที่ฯ ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการโรคติดต่อ

3.2.5) กรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด มีมติให้ออกประกาศ ให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบโดยทั่วกัน

4. ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยังคงดำเนินการเฝ้าระวังและการตรวจคัดกรองอย่างเคร่งครัด โดยมีจุดสกัดกั้นพื้นที่รวม 13 จุด จำนวนรถรวม 31,911 คัน เป็นจำนวนรถมาเข้า 17,140 คัน จำนวนรถขาออก 14,771 คัน ด้านการจราจรมีความเรียบร้อย

5. ผู้เดินทางขาเข้าระหว่างประเทศ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 รวมทั้งสิ้น 121 ราย (ALQ 119 ราย AHQ 2 ราย )

6. ผู้เดินทางขาเข้าทางเรือ ยอดรวมกักกันสะสม 951 ราย เรือสินค้า 861 (ครบกัก 809 ราย LQ 52 ราย) เรือยอช์ต 90 ราย (ครบกักกัน 90 ราย) รอวันที่ 2 กพ .64 จะมีเดินทางมา 2 ราย

7. ภาพรวมผู้เดินทาง เข้า- ออก จังหวัด (ด่านท่าฉัตรไชย หยุดปฏิบัติการซึ่งคราว ตั้งแต่ 1 กพ. 64 เป็นต้นไป)

8. ยอดผู้เดินทางเข้าจังหวัดจากการลงทะเบียน www.gophuget.com (วันที่ 9 – 30 มกราคม 2564) ผู้เดินทางเข้าจังหวัด 112,978 ราย แบ่งเป็น ทางบก 97,198 ราย ทางอากาศ. 13,762 ราย ทางเรือ 2,018 รายพบว่า กลุ่มสีแดง 28 จังหวัด จำนวน 16,470 ราย

กลุ่มสีส้ม 11 จังหวัด จำนวน 60,017 ราย กลุ่มสีเหลือง 38 จังหวัด จำนวน 36,491 ราย

(กลุ่มสีแดง 5 จังหวัด จำนวน 2,181 ราย กลุ่มสีแดง 23 จังหวัด 12,877 ราย)

9. การปรับปรุงคำสั่งจังหวัดภูเก็ต เรื่องการเข้าเทียบท่าของเรือประมง โดยกำหนดเวลาการเทียบท่า และมาตรการในการขึ้นฝั่งของผู้ทำการประมง ต้องได้รับการตรวจคัดกรองก่อนขึ้นฝั่ง โดยให้เริ่มใช้คำสั่งใหม่ 1 กุมภาพันธ์ 2564

10. เรื่องเพื่อพิจารณา

10.1) การขอความร่วมมือให้ประชาชนที่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ให้ลงทะเบียนผ่าน Webpage : Go Phuget เพื่อ Register เข้าจังหวัด และใส่ QR Code Application หมอชนะ ไว้เพื่อให้โหลด

10.2) ให้ประชาสัมพันธ์จังหวัด ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ

10.3) การแบ่งพื้นที่ตามของ สบค. (กรณีจังหวัดที่ต้องกักตัวในที่พัก 14 วัน)

10.4) สถานที่ต้องมี Application หมอชนะ และยังคงต้องเน้นการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด คือ สถานประกอบการ ผับบาร์ ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า

10.5) การปรับบทบาทของ E0C ตำบล (คล้าย ศบค)

10.6) การสุ่มตรวจเป็นบทบาทของสาธารณสุขที่จะลงพื้นที่ตรวจ

10.7) ยังคงต้องให้ความสำคัญในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (ต่างด้าว) ในการตรวจคัดกรอง

(โดยสรุปข้อเสนอด้านสาธารณสุข → เข้มข้มมาตรการส่วนบุคคล เข้มข้นสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง กระบวนการสุ่มตรวจเข้มข้น แรงงานข้ามชาติ และการสื่อสารเชิงรุก)