ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีประชาชนร้องเรียน

16649132_1796998703851050_6856440684377306154_n

16473131_1796998730517714_2119631936787561597_n

16473693_1796998793851041_5018214497957533264_n

16602827_1796998773851043_6603153927100053178_n

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างสะพานลอยจุดกลับรถบนถนนเทพกระษัตรี จังหวัดภูเก็ต

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560  นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนกรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างสะพานลอยจุดกลับรถบนถนนเทพกระษัตรี จ.ภูเก็ต โดยมีนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายปฏิเวชวุฒิศักดิ์ สุขี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต ผู้แทนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วม

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยว่า หลังจากการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยขอให้กรมทางหลวงไปทบทวนศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการสร้างจุดกลับรถดังกล่าว โดยประชาชนในพื้นที่เสนอให้ศึกษาแนวทางการก่อสร้างในรูปแบบอื่นๆ เช่น อุโมงค์ทางลอดหรือจุดกลับรถทางราบนั้น

จากการประชุมวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมชี้แจงผลการศึกษาซึ่งที่ประชุมมีผลสรุปว่า เห็นควรให้ดำเนินการสร้างสะพานกลับรถต่างระดับ (เกือกม้า) ต่อไป เนื่องจากเป็นการก่อสร้างที่ใช้งบประมาณน้อย ใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่นาน ส่งผลกระทบต่อระบบการจราจรในขณะก่อสร้างน้อยกว่า ในทางกลับกัน การก่อสร้างทางกลับรถแบบทางราบจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะการกลับรถแบบทางราบต้องเพิ่มรัศมีการเลี้ยว จำเป็นต้องขยายเกาะกลางให้มีขนาดกว้างขึ้น ทำให้ต้องเสียงบประมาณเวนคืนเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า ส่วนการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด เพื่อขจัดปัญหาการบดบังทัศนียภาพนั้น ต้องใช้งบประมาณที่สูงกว่าสะพานกลับรถต่างระดับถึง 7 เท่า และมีขั้นตอนการก่อสร้างเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากการมีขั้นตอนการดำเนินการที่ซับซ้อนกว่า เช่น ระบบไฟฟ้า แสงสว่าง ระบบระบายน้ำ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรับฟังความคิดเห็นและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งภาคประชาชน ภาคท่องเที่ยว และธุรกิจด้วย โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนอย่างเป็นธรรม นอกจากนี้ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมมือกันประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการของโครงการดังกล่าวให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างภาครัฐและประชาชนต่อไป

 

Comments are closed.