
พ่อเมืองภูเก็ต วอน พี่น้องประชาชน อย่าส่งต่อ ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ ที่ไม่เกิดผลดีต่อชาติบ้านเมือง มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ภายหลัง เป็นประธาน ติดตั้งจุดคัดกรองอุณหภูมิร่างกายด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ถึงมาตรการ สร้างความเชื่อมั่น และรับมือสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้จังหวัดภูเก็ตได้เปิด ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2563 เป็นต้นมา เพื่อประชุม ประเมินสถานการณ์ ติดตาม เฝ้าระวัง และรายงานผลการดำเนินงาน ในที่ประชุมทุกวัน นอกจากนี้ มีการเฝ้าระวังคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต ทั้งที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตและผู้โดยสารที่เข้ามากับเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันและควบคุมไวรัส โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว หากพบมี ผู้ป่วยที่มีไข้ อุณหภูมิเกิน 38 องศา จะนำเข้าสู่ระบบ การตรวจตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทันที
นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ต
ยังได้เปิดศูนย์ อำนวยการแก้ไขและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตโดยมี
ท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเฝ้าระวังติดตามและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วนตลอดจนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม
ป้องกัน ตลอดจนกำหนดนโยบายและมาตรการเร่งด่วน ที่จะให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ทางผู้ประกอบการ สมาคมโรงแรมจังหวัดภูเก็ต
ได้ยื่นข้อเรียกร้อง ไปยังรัฐบาลแล้ว
และทางจังหวัดภูเก็ตจะได้พิจารณาว่าหากผู้ประกอบการ ภาคีเครือข่าย
ธุรกิจการท่องเที่ยว ต้องการให้ทางจังหวัดภูเก็ต ช่วยเหลือ
ก็สามารถเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อจะได้รวบรวมนำเสนอไปยังรัฐบาลเช่นเดียวกัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังได้กล่าวด้วยว่า จังหวัดภูเก็ต จัดตั้งศูนย์ ต่อต้านข่าวปลอมจังหวัดภูเก็ต หรือ Anti Fake News ภูเก็ต ขึ้น เพื่อดำเนินการต่อต้านข่าวปลอมทุกรูปแบบ ที่มีการนำเสนอข้อมูลเท็จ ผ่านสื่อต่างๆสร้างความตระหนก ความตื่นกลัวและความสับสนให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว เกิดผลเสียต่อประเทศชาติ
จึงขอวิงวอนมายังพี่น้องประชาชน ว่า การที่ส่งต่อข่าวสารอันเป็นเท็จไม่เกิดผลดีต่อชาติบ้านเมือง มีความผิดตามกฎหมายตาม พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) และ ( 2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
