ภูเก็ตสรุปผลการดำเนินงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

มกราคม 5, 2017 ข่าวทั่วไป 663

ภูเก็ตสรุปผลการดำเนินงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเลช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 มีผู้เสียชีวิตลดลงจากปี 2559

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2560 ที่ห้องประชุมศาลากลางภูเก็ตหลังเก่า อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นาย โชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการแถลงข่าวปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเลช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 โดยมี,พลตำรวจตรีธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, นายแพทย์จิรพันธ์ เต้พันธ์ สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต, นายสมหมาย สุดขาว ขนส่งจังหวัดภูเก็ต , นายอุดมพร กาญจน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต , ผู้แทน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายโชคชัย เดชอมรธัญ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเล ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ในช่วง 7 วันตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึง 4 มกราคม 2560 พบสถิติจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นแต่สถิติ จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงเมื่อเทียบกับการรณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 รวม 7 วัน เกิดอุบัติเหตุ 74 ครั้งผู้บาดเจ็บ 81 คน ผู้เสียชีวิต 2 คน พฤติกรรมเสี่ยงและสาเหตุสูงสุด คือ เมาสุรา ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับขี่รถตัดหน้ากระชั้นชิด ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกําหนด ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ เขตพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ตเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 33 ครั้ง รองลงมาคือ อำเภอถลาง เกิดอุบัติเหตุ 21 ครั้งและ อำเภอกะทู้เกิดอุบัติเหตุ 20 ครั้ง มีการเรียกตรวจยานพาหนะรวม 23,155 คัน เป็นรถจักรยานยนต์ 10,134 คัน ขณะที่การดำเนินคดี 10 ข้อหาหลักรวม 7,859 คดีพบคดีไม่สวมหมวกนิรภัยมากที่สุดจำนวน 3,487 คดี รองลงมาคือไม่มีใบขับขี่ 2,411 คดี และช่วงอายุที่ถูกดำเนินคดีสูงสุด คืออายุระหว่าง อายุ 25 ถึง 29 ปี รองลงมาคือ 20 ถึง 24 ปีอุบัติเหตุ 19 ครั้งบาดเจ็บ 22 คน มีผู้เสียชีวิต 2 คน

ผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางทะเล ของจังหวัดภูเก็ตในช่วงของเทศกาลปีใหม่ 2560 ตลอด 7 วันของการรณรงค์ ไม่เกิดอุบัติเหตุ ทางทะเลและไม่เกิดความสูญเสีย ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตย้ำนำมาตรการ P3D ภูเก็ต drink don’t drive เมาไม่ขับรณรงค์สร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มาใช้อย่างต่อเนื่องต่อไป