ภูเก็ตเร่งตั้งคณะทำงานจัดระเบียบภูเก็ต บูรณาการ ภาครัฐ เอกชนและประชาชนเน้นสร้างความเข้าใจเพื่อให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามกฎหมาย 
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 15.30 น.ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พลตรีพรศักดิ์ พูนสวัสดิ์ รองแม่ทัพภาค 4 พร้อมด้วย นายสนิท ศรีวิหค ,นายธีระ อนันตเสรีวิทยา,นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, พลตำรวจตรีธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ประชุมกลุ่มย่อยเพื่อหารือ

การจัดตั้งคณะทำงานจัดระเบียบจังหวัดภูเก็ต เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลและ คสช.พร้อมตั้งคณะทำงานจำนวน 9 คณะ เร่งแก้ปัญหาการจัดระเบียบชายหาด,การแก้ปัญหาการจอดรถเช่าในที่สาธารณะ,การแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะ,การแก้ปัญหาสนามบินภูเก็ตและด่านตรวจคนเข้าเมือง,การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว,การแก้ปัญหาเรื่องมัคคุเทศก์เถื่อน,การจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ,การกวดขันใบอนุญาต ขับขี่รถของนักท่องเที่ยว,การเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและการจัดระเบียบโรงแรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด โดย เบื้องต้นที่ประชุมได้ลงมติจะเร่งดำเนินการจัดระเบียบในประเด็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน 3 เรื่อง ให้เห็นผลโดยเร็ว คือการจัดระเบียบชายหาดและการบุกรุกที่สาธารณะ, การจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะและการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว

สำหรับคณะทำงานจัดระเบียบจังหวัดภูเก็ต จะเป็นการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่,ทหาร,ตำรวจ,ภาคเอกชน และภาคประชาชนโดยมีการทำงานเป็น 3 ระยะ คือขั้นการเตรียมการ เน้นการชี้แจงสร้างความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการ, ผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ และประชาชนเกี่ยวกับรายละเอียดที่ต้องมีการจัดระเบียบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในประเด็นต่างๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักการทำงานการจัดระเบียบทั้งหมด.  ขั้นที่ 2 ขั้นตอนการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการในเรื่องต่างๆตามที่กฎหมายกำหนด.  ขั้นที่ 3 คือการฟื้นฟูเยียวยาพื้นที่และประชาชนและผู้ประกอบการ ผู้ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้การทำงานของ คณะทำงานจัดระเบียบจังหวัดภูเก็ตจะมอบหมายให้มีหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมร่วมกันเพื่อจัดทำแนวปฏิบัติในการจัดระเบียบจังหวัดภูเก็ตให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยสิ่งที่จะเน้นคือการดำเนินการทุกอย่างจะทำตามข้อระเบียบของกฎหมายและบูรณาการระหว่างภาครัฐเอกชนและประชาชนตรวจสอบลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลสำหรับการปฏิบัติงานทุกครั้งก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบทุกขั้นตอนในทุกช่องทางของสื่อการประชาสัมพันธ์