ภูเก็ต กระบี่ประชุมหารือบูรณาการวางแผนมาตรการด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางทะเล

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2561 เวลา 11.00 น. นายนรภัทร ปลอดทองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายกองโทอดุลย์ ชูทอง นายอำเภอถลาง, นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต, นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต , นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ,นายสาคร ปู่ดำ นักวิชาการ ขนส่งทางน้ำชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่า ภูมิภาคสาขาภูเก็ต , พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ , ร. ต.ท.ดุสิทธิ์ วรรณบวร รองสารวัตรท่องเที่ยว ภูเก็ต , นายประชา อัศวธีระ ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภูเก็ต,นายกิตติ จิตต์ซื่อ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่6 ตำบลป่าคลอง อำเภอถลาง นายประสิทธิ์ กุลพ่อ สารวัตรกำนันตำบลป่าคลอกและสื่อมวลชน ร่วม 33 คน เดินทางลง เรือเพชรสุรินทร์ ออกจากท่าเทียบเรืออ่าวปอ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปยังเกาะพีพีจังหวัดกระบี่ ในการประชุมหารือมาตรการด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางทะเลร่วมกับจังหวัดกระบี่เพื่อวางแนวทางความร่วมมือในการสนับสนุนและขับเคลื่อนมาตรการด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางทะเลให้มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยในส่วนของจังหวัดกระบี่ มีว่าที่ร้อยตรี อภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย พลตำรวจตรีบุญทวี โตรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือพร้อมรายงานข้อมูลด้านการบริหารจัดการเรือและสถานการณ์การท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดกระบี่

ว่าที่ร้อยตรี อภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบัน เรือสปี้ดโบ้ท มีการจดทะเบียนในจังหวัดกระบี่จำนวน 500 ลำ และมีการจดทะเบียนในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 2,000 ลำ ซึ่งเรือจากภูเก็ตเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่กระบี่ 1,000 ลำ ทำให้ทุกวันจะมีเรือเข้ามาในกระบี่ประมาณ 1,500 ลำ ทั้งนี้จังหวัดกระบี่มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่จังหวัด ที่เกาะพีพี และเกาะลันตา พร้อมมีระบบไฟล์เสียงเพื่อบอกแนวทางการปฏิบัติตนในการโดยสารเรือ และจะตรวจเรือทุกลำที่ออกจากกระบี่

สำหรับการประชุมในวันนี้ทั้ง 2 จังหวัดได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อนำข้อมูลไปสู่การวางแผนบริหารจัดการเรือ การจอดเรือ การให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวทางทะเลที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีการสรุปผลจากการเกิดอุบัติเหตุเครื่องยนต์เรือสปีดโบ๊ทไฟไหม้บริเวณหน้าถ้ำไวกิ้ง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพีเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2561 ด้วย
ซึ่งในเรื่องนี้ พลตำรวจตรีบุญทวี โตรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า อยากให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมาย การตรวจสมรรถนะของเรือ ความพร้อมของกัปตัน ลูกเรือ หากเรือไม่พร้อมไม่ปลอดภัย ต้องไม่อนุญาตให้ออกจากท่าเทียบเรือ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตจะมีการวางระบบมาตรการเข้มในการจัดเก็บข้อมูลของเรือทุกลำที่ออกจากจังหวัดภูเก็ตโดยมอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตดำเนินการจัดเก็บข้อมูลว่า เรือที่ออกจากจังหวัดภูเก็ตทุกลำมีเป้าหมายไปยังที่ใด และจุดใดบ้างจำนวนผู้โดยสารที่โดยสารในเรือจำนวนกี่คน สัญชาติใดบ้าง ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะต้องมีความชัดเจนครบถ้วนถูกต้องและให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตส่งข้อมูลต่อให้กับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภูเก็ต เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลแบบออนไลน์โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดเก็บข้อมูลทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจังหวัดกระบี่และจังหวัดพังงาจะสามารถดึงข้อมูลไปใช้ได้ง่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์หากเรือท่องเที่ยวที่เดินทางในพื้นที่ทะเลอันดามันของจังหวัดภูเก็ต,กระบี่และพังงาเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถดึงข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการเข้าช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจด้านระบบมาตรความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

นายประชา อัศวธีระ ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภูเก็ต กล่าวถึงระบบโปรแกรมการจัดเก็บข้อมูลว่า จะเป็นระบบโปรแกรมบนเว็บไซต์ เพื่อให้หน่วยงานอัพโหลดไฟล์ Excel เพื่อบรรจุข้อมูล ของเรือทุกลำ บรรจุนักท่องเที่ยว กี่คน, รายชื่อนักท่องเที่ยว ,หมายเลขพาสปอร์ต ,สัญชาติ และจุดหมายปลายทางของเรือ ทั้งนี้ระบบจะมีการมอบพาสเวิร์ดและแอ็กเคาน์ให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อสามารถดึงข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ในการบริหารจัดการเรือดูแลความปลอดภัยและบริการนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า และเพื่อให้การบริหารจัดการการท่องเที่ยวเกิดความยั่งยืน จังหวัดกระบี่และ จังหวัดภูเก็ตจะร่วมกันบูรณาการความร่วมมือ ในการบริหารจัดการขยะและน้ำเสีย ใน แหล่งท่องเที่ยวในทะเลอันดามันของทั้ง 2 จังหวัด โดยจะควบคุมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันดูแลรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ หาดทราย ชายทะเล ปะการัง ให้มีความสะอาด และสมบูรณ์ เพื่อให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนตลอดไป