มทบ.41 ประชุมร่วมกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นข้อพิพาท

พฤษภาคม 20, 2016 ข่าวทั่วไป 898

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ประชุมร่วมกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นข้อพิพาทกับชาวเลราไวย์เพื่อหาทางป้องกันปัญหาความขัดแย้งกรณีที่ดิน
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พลตรีธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ผู้บัญชาการควบคุมมณฑลทหารบกที่ 41(มทบ.41) ประชุมร่วมกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งส่วนหนึ่งมีชาวเลราไวย์ หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ใช้เป็นที่อยู่อาศัยบางส่วน เพื่อหาหนทางป้องกันและป้องปรามมิให้ปัญหาขยายออกไป รวมทั้งรับทราบปัญหาและแสวงหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อมิให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อันเนื่องมาจากก่อนหน้าที่ได้เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การใช้กำลังทำร้ายกันระหว่างชาวเลราไวย์ และกลุ่มคนงานของบริษัทบารอน เวิลด์ เทรด จำกัด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเหตุการณ์ความขัดแย้งยังคงดำรงอยู่ ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณพื้นที่ชุมชนชาวเลราไวย์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในแปลงที่ชาวเลยราไวย์อาศัยอยู่ และตัวแทนจากบริษัทบารอนเวิลด์ เทรด จำกัด รวม 14 แปลง เข้าร่วม โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด ภายหลังจากการหารือกับกลุ่มเจ้าของที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พลตรีธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ยังได้มีการประชุมหารือร่วมกับทางนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และพล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังเช่นกัน

พลตรีธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับเจ้าของที่ดินราไวย์ ว่า สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดิน และกลุ่มชาวเลราไวย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มตัวแทนชาวเลราไวย์ เพื่อรับทราบความต้องการของกลุ่มชาวเลไปแล้ว และในครั้งนี้ได้เชิญในส่วนของกลุ่มเจ้าของที่ดินมาหารือ เพื่อทราบความต้องการและข้อมูลในเรื่องของที่ดิน ซึ่งกลุ่มเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง ดังนั้นจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยทางเจ้าของที่ดินยินดีที่จะขายที่ดินทั้งหมด จำนวน 19 ไร่ ให้กับภาครัฐ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยหรือจะดำเนินการใด ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ตามในส่วนที่ดินของบริษัทบารอนฯ ซึ่งไม่ได้มีกลุ่มชาวเลอาศัยอยู่ เพียงแต่มีปัญหาในเรื่องของทางเดินสาธารณะที่ชาวเลต้องผ่านไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ และคาดว่าเมื่อที่ดินได้ถูกขายให้ภาครัฐแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ก็น่าจะยุติ และทางบริษัทบารอนฯ เองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร