
ภูเก็ตประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ครั้งที่ 30/2564 หารือ มาตรการตรวจ คัดกรองแทนการกักตัว คนที่เดินทางเข้าพื้นที่ จากจังหวัดสีแดง 18 จังหวัด โดยมีมติเพิ่ม อีก 3 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และ นราธิวาส ควบคุมและป้องกันการ แพร่ระบาด โควิด -19
วันที่ 24 เมษายน 2564 เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ครั้งที่ 30/2564 หารือมาตรการการป้องกันโรคโควิด 19 ให้สอดคล้องสถานการณ์

ข้อมูลการแพร่ระบาด Covid 19 (ระลอกเมษายนระหว่างวันที่ 3 เมษายน – 23 เมษายน 2564) จังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการตรวจคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยงจำนวน 5,486 คน ผลการตรวจ มีผลเป็นลบ จำนวน 5,194 คนคิดเป็นร้อยละ 95 มีผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 292 คนคิดเป็นร้อยละ 5 โดยยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 252 ราย ผู้ติดเชื้อรักษาหายกลับบ้านแล้ว 40 ราย
จากข้อมูลดังกล่าว จังหวัดภูเก็ตโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตจึงร่วมกับ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต/โรงพยาบาลป่าตอง/โรงพยาบาลถลาง/โรงพยาบาลฉลอง/โรงพยาบาลกรุงเทพ/โรงพยาบาลสิริโรจน์/โรงพยาบาลมิชชั่น/โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต /มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ตและมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้ดำเนินการจัดเตรียมเตียงเพื่อรองรับการรักษา ผู้ป่วย covid-19 และผู้ที่จะต้องเฝ้าระวัง เพื่อให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ โดยขณะนี้จังหวัดภูเก็ตมีเตียงที่พร้อมให้การรักษาผู้ป่วย covid-19 จำนวนเตียงพร้อมใช้ 440 เตียง โดยได้ใช้เตียงไปแล้วจำนวน 262 เตียงคงเหลือเตียงที่ยังไม่ได้ใช้จำนวน 178 เตียง

โอกาสนี้ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาหารือข้อสั่งการในคำสั่งที่ 2077/2564 ในข้อที่ 8 มาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 covid-19 สำหรับการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัด ในข้อ 8.1 โดยได้มีการเพิ่ม ข้อสั่งการให้ดำเนินการตรวจคัดกรองประชาชนที่มาจาก พื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติมจำนวน 4 จังหวัดประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต/ นครศรีธรรมราช/นราธิวาสและสุราษฎร์ธานี
นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวสรุปผลการประชุมว่าทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตได้ประชุมเป็นการเร่งด่วนในวันนี้ เพื่อหารือตามคำสั่งที่ 2077/2564ลงวันที่ 20 เมษายน 2564 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22-30 เมษายน 2564 ในประเด็นผู้เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต จากพื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดง จะต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มหรือมีใบรับรองผ่านการตรวจหาเชื้อโควิคผลเป็นลบไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง หากไม่มีเอกสารทั้ง 2 อย่างจะต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองความเสี่ยง แบบรวดเร็ว Antigen Rapid Testที่ด่านท่าอากาศยานภูเก็ตหรือด่านท่าฉัตรไชย ปรากฏว่าขณะนี้ จังหวัดในโซนภาคใต้ ซึ่งเป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตได้ง่ายโดยทางรถยนต์ เป็นจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของโรค covid-19 เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดได้แก่จังหวัดนราธิวาสสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ส่วนจังหวัดสงขลาและประจวบคีรีขันธ์อยู่ในพื้นที่ 17 จังหวัดควบคุมสูงสุดสีแดงอยู่แล้วในส่วนของจังหวัดภูเก็ตพบว่า มีประชาชนบางส่วนที่อาจจะเดินทางออกจังหวัดออกจากจังหวัดภูเก็ตไปยังพื้นที่เสี่ยงควบคุมสูงสุด และกลับมาโดยทางรถยนต์ซึ่งยากต่อการที่จะตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านั้นมาจากพื้นที่เสี่ยงหรือไม่

ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดภูเก็ตจึงกำหนดยึดบัตรประจำตัวประชาชนเป็นหลักในการตรวจสอบหากพบว่าเป็นประชาชนที่มีบัตรประจำตัวประชาชนมาจากจังหวัดนราธิวาส,สุราษฎร์ธานี,นครศรีธรรมราชและภูเก็ต จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองแบบรวดเร็ว Antigen Rapid Test ที่ด่านท่าฉัตรไชย ส่วนการดำเนินการที่ท่าอากาศยานภูเก็ตได้กำหนดให้มีการตรวจผู้เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตทุกคนอยู่แล้ว โดยผลการประชุมในวันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตได้มีมติเห็นชอบตามมาตรการดังกล่าว
สำหรับในส่วนของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตและไม่ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับและคำสั่งของจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีการฝ่าฝืนออกไปทำกิจกรรมในพื้นที่ที่ จังหวัดภูเก็ตมีการประกาศห้าม นั้น ในเรื่องนี้จังหวัดภูเก็ตได้กำหนดออกเป็น 2 แนวทางคือ
แนวทางที่ 1 จังหวัดภูเก็ตจะร่วมประชุมหารือกับกงสุลทุกประเทศที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อบังคับคำสั่งของจังหวัดภูเก็ตเพื่อให้กงสุลได้ไปประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้แก่ชาวต่างชาติได้รับทราบและปฏิบัติ
แนวทางที่ 2 คือการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่กระทำผิดอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตจะขอความร่วมมือประชาชนร่วมสวมหน้ากากอนามัยโดยจังหวัดภูเก็ตได้ออกคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 62 /2564 เมื่อเดือนมกราคม ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ทุกครั้งเมื่อออกนอกที่พัก หากฝ่าฝืน อาจมีความผิดตามมาตรา 51 ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ในคำสั่งที่ 2077/ 2564 มีข้อกำหนดให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT โดย M คือการสวมหน้ากากอนามัยดังนั้นจึงขอความร่วมมือชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมสวมหน้ากากอนามัยเพราะการสวมหน้ากากอนามัยจะช่วยลดการแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่คนหนึ่งได้ในระดับดีหากทุกคนร่วมการสวมหน้ากากอนามัยจะช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จึงเป็นการขอความร่วมมือเป็นกรณีพิเศษ


Pingback: keto diet menu for beginners
Pingback: lois griffin sex games
Pingback: wind creek online casino
Pingback: vegas casino online free spins
Pingback: big fish casino online
Pingback: san manuel online casino login
Pingback: free online casino slots
Pingback: online casino hosting sanjeev beemidi
Pingback: keto diet plans
Pingback: keto taco casserole
Pingback: keto for women over 50
Pingback: keto chicken wings
Pingback: help with writing essays
Pingback: writing a good college essay
Pingback: essay about writing
Pingback: tinder for gay dating
Pingback: prifessional gay dating
Pingback: steps in critical thinking
Pingback: introduction to critical thinking
Pingback: narrative essay topics
Pingback: informative essay examples
Pingback: why i want to be a nurse essay
Pingback: collage essay topics
Pingback: what's a narrative essay
Pingback: mla format essay example