จังหวัดภูเก็ตวางมาตราการควบคุมขอทานและการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 ที่ห้องประชุมศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ต ตำบลรัษฏา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการควบคุมการขอทานจังหวัดภูเก็ตและคณะอนุกรรมการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2560 โดยมีนางพิมพร ขอศานติวิชัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต นางสาวจิตรลดา สังข์ประพันธ์ หัวหน้ากลุ่มสวัสดิการและพิทักษ์คุ้มครองสิทธิผู้ช่วยเลขานุการ นางสาวธัญพร อุ่นเศียร ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ กล่าวว่าการประชุมในวันนี้เป็นการ แจ้งคำสั่งให้คณะอนุกรรมการ ทราบถึงบทบาทหน้าที่สาระสำคัญของกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยให้ที่ประชุมรับทราบ พร้อมเสนอที่ประชุมให้พิจารณาการวางแผนบูรณาการการดำเนินงาน ด้านการควบคุมการขอทานจังหวัดภูเก็ตประจำปี 2560 , แผนบูรณาการด้านการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ตประจำปี 2560 ,การส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย , บทบาทหน้าที่หน่วยงานในการจับกุม /ควบคุมตัวบุคคลไร้ที่พึ่งที่ป่วยจิตเวช พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือบุคคลเร่ร่อนจิตเวช กรณีมีครอบครัวและไม่มีครอบครัว
นางสาวจิตรลดา สังข์ประพันธ์ กล่าวว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 เพื่อให้ผู้ทำการขอทานได้รับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเหมาะสมไม่กลับมาขอทานซ้ำ เพื่อให้มีกลไกในการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ทำการขอทาน รวมทั้งมีการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขอทานในจังหวัดอย่างเป็นระบบและมีผลการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติการขอทานพ.ศ. 2559 อีกทั้งในด้านการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ต นั้นได้ดำเนินการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในจังหวัดให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งพ.ศ. 2557 เนื่องจากคนไร้ที่พึ่งเป็นบุคคลที่ประสบปัญหาในสังคม ขาดความมั่นคงในการดำรงชีวิตได้อย่างปกติ ไม่มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ไม่สามารถหารายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ซึ่งบุคคลเหล่านี้อยู่ในฐานะที่ไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ และไม่อาจพึ่งพาบุคคลอื่นได้ ทำให้มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นอยู่ของบุคคลทั่วไป สมควรต้องคุ้มครองให้คนไร้ที่พึ่งสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข มีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตและมีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตและมีสุขภาพร่างกายจิตใจเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ หากองค์กรและหน่วยงานต่างๆให้ความร่วมมือกันในการผลักดันช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามลำดับขั้นตอนเพื่อให้บุคคลเหล่านั้น สามารถพัฒนาศักยภาพสร้างงาน สร้างรายได้เพื่อไม่ให้พวกเขา กลับมากระทำความผิด และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ต่อไป





