สมาคมกำนัน – ผู้ใหญ่บ้านฯ จังหวัดภูเก็ต เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านวาระ 5 ปี
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต สมาคมกำนัน – ผู้ใหญ่บ้านฯ จังหวัดภูเก็ต นำโดย นายเจษฎา แนบเนียน นายสมาคมกำนัน – ผู้ใหญ่บ้านฯ จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่ กว่า 50 คน เดินทางมายื่นหนังสือ เรื่อง ขอคัดค้านการปฏิรูปโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการควบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) แล้วยกฐานะให้เป็นเทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่าน นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับหนังสือในครั้งนี้
นายเจษฎา แนบเนียน นายสมาคมกำนัน – ผู้ใหญ่บ้านฯ จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตนได้ติดตามการเสนอร่างกฎหมายการปฏิรูปโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการควบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) แล้วยกฐานะให้เป็นเทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ซึ่งพวกเรากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดภูเก็ต มีความห่วงใยร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นอย่างยิ่งในเจตนาของผู้ร่างที่ยังมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ ที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ เพื่อความกระจ่างชัดและต้องไม่มีการตีความในอนาคต ขอให้คณะกรรมาธิการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการปกครองท้องถิ่น ได้โปรดเขียนบทบัญญัตินี้ไว้ในพระบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายในมาตราก่อนถึงมาตรสุดท้าย ดังนี้ “มาตรา…การใช้บังคับประมาลกฎหมายท้องถิ่นนี้ ไม่เป็นการกระทบต่อพระบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2557 และแก้ไข้เพิ่มเติม” หากมีการบัญญัติไว้เช่นนี้จะปิดประเด็นเรื่องนี้ปัญหาการตีความ หากมีเทศบาลเต็มที่ทั่วประเทศ ตามประมวลกฎหมายท้องถิ่น ว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ยังคงอยู่หรือไม่ มีพื้นที่ให้ปกครองหรือไม่ เพราะถ้าไม่บัญญัติไว้เช่นนี้ต่อไป จะต้องมีคนหยิบตีความในทางที่ทำให้พระบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่บังคับใช้ไม่ได้ในเขตเทศบาล
นายเจษฎา กล่าวต่ออีกว่า การที่ คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. ที่จะเสนอเปลี่ยนแปลงวาระดำรงตำแหน่ง กำนัน วาระ 60 ปี เหลือคราวละ 5 ปี นั้น ตนเองเห็นว่าไม่สมควรที่จะเปลี่ยนแปลงวาระดังกล่าว เนื่องกำนัน ผู้ใหญ่บ้านสามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในการจับคนร้าย จับกุมคดียาเสพติด และช่วยเหลืองานด้านอื่นๆ เป็นต้น จึงขอเรียกร้องให้คณะดังกล่าวทบทวนในวาระดังกล่าวด้วย
ด้าน นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวส่งเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วน และพร้อมให้ความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน


