รองปลัดกระทรวงยุติธรรมลงพื้นที่ภูเก็ตตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านเรียกร้องบริษัทเอกชนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ ออกเอกสารสิทธิ์ทับเส้นทางสาธารณะลงหาดแหลมสิงห์ เผยตรวจสอบพบชื่อนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย.
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์ศรีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะลงพื้นที่หาดแหลมสิงค์ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบข้อพื้นที่การออกเอกสารสิทธ์ของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง(บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์)หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่าบริษัทรายดังกล่าวได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายทับลำรางสาธารณะที่อดีตชาวบ้านใช้เป็นทางเข้า-ออกหาดแหลมสิงห์ แต่ปัจจุบันถูกบริษัทเจ้าของโฉนดเก็บค่าผ่านเข้า-ออกหาดแหลมสิงห์หัวละ100 บาท โดยวันนี้มีชาวบ้านในพื้นที่ กมลากว่า 200 ราย มาร่วมให้ข้อมูลพร้อมถือป้ายร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์และมีการกันลำรางสาธารณะออกเพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ใช้ร่วมกันขณะชาวบ้านที่ประกอบการหน้าหาดแหลมสิงห์ร้องขอให้จังหวัดภูเก็ตทบทวนการจัดโซนหาดแหลมสิงค์เป็นหาดอนุรักษ์ เพราะจะส่งผลให้ชาวบ้านหลายรายเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน
อย่างไรก็ตามภายหลังลงพื้นที่พบกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าริมชายหาด บริเวณพื้นที่ที่มีการร้องเรียน รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เชิญตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการฯ ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีนายสายัณห์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอกะทู้ เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ ได้ประชุมพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ เนื่องจากชาวบ้านที่ประกอบอาชีพอยู่บริเวณหาดแหลมสิงห์ มีการร้องเรียนเข้ามากรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้รับความเดือดร้อนจากการเข้ามาของกลุ่มนายทุน ประกอบกับเป็นเรื่องของทางสาธารณะที่มีข้อขัดแย้งกัน เรื่องนี้ กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเรื่องมา 2-3 ครั้งแล้ว ได้ตรวจสอบเบื้องต้นไว้เรียบร้อย แต่ตนไม่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องผลการตรวจสอบจนกว่าการดำเนินการจะถึงที่สุด เพราะว่าเป็นส่วนได้เสียระหว่างชาวบ้านและผู้ถือครองที่ดินซึ่งมีเอกสารสิทธิ์ โดยขณะนี้ตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้บางส่วนถูกไล่ออกจากราชการ บางคนก็ถึงแก่ความตายคือนายธวัชชัย อนุกุล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินฯ พังงา ที่ขณะนั้นเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ผลของการตรวจสอบแต่ละหน่วยงาน คืบหน้าไปมาก มีทั้งการตรวจสอบถึงใบจอง สค.1 นส. 3 แปลภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งแน่นอนว่าทางราชการไม่ได้นิ่งเฉย แต่ระยะนี้ ตราบใดที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าตรงไหนเป็นที่สาธารณะ เอกสารสิทธิ์เป็นอย่างไร ที่ชาวบ้านสงสัยว่าถูกต้องหรือไม่ อยากจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยที่ไม่มีข้อพิพาทขัดแย้ง
นาย ไพโรจน์ ธนากุลวินิจ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุจำกัด ยืนยันว่า เอกสารสิทธิ์ที่ถือครองอยู่นั้นทางบริษัทได้มาอย่างถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย โดยได้ซื้อมาเมื่อปี 2529 มีเนื้อที่ทั้งหมด 65 ไร่ และไม่มีการระบุว่ามีลำรางหรือเส้นทางสาธารณะอยู่ในโฉนดแปลงที่ถือครอง ในขณะนั้นทางบริษัทได้อนุโลมให้ชาวบ้าน สามารถเข้าออกพื้นที่เพื่อประกอบอาชีพได้ จนถึงปัจจุบัน รวมเวลากว่า 31 ปี โดยไม่เคยเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านที่ลงไปใช้พื้นที่ จนกระทั่งเมื่อปี 2558 ที่ รัฐบาล คสช.มีประกาศจัดระเบียบพื้นที่ชายหาดทั่วเกาะภูเก็ต และจังหวัดภูเก็ตประกาศให้พื้นที่ชายหาดแหลมสิงห์เป็นหาดอนุรักษ์ ทำให้ทางบริษัทมีแผนเตรียมเข้ามาพัฒนาพื้นที่ แต่ชาวบ้านได้เข้ามาขอไกล่เกลี่ยเพื่อขอยืดระยะเวลา ทางบริษัทจึงทำข้อตกลง กับชาวบ้านเพื่อยืดเวลาออกไปให้เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน และจะครบกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ ทั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์นั้น ทางบริษัท ยินดีให้มีการตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากมั่นใจว่า ได้มาอย่างถูกต้อง ส่วนประเด็นที่ต้องเก็บค่าผ่านทางจำนวน 100 บาท เพื่อลงไปยังชายหาดแหลมสิงห์นั้น เป็นการเก็บค่าธรรมเนียมแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนชาวบ้าน และคนในพื้นที่ทางบริษัทไม่เคยมีการเรียกเก็บ โดยค่าธรรมเนียมที่เก็บได้เพื่อนำไปใช้จ้าง รปภ.เข้ามาดูแลพื้นที่
ขณะที่นายสายัณห์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอกะทู้ ระบุว่า ปัจจุบันชายหาดแหลมสิงห์เป็นหาดอนุรักษ์ ที่ออกประกาศโดยจังหวัดภูเก็ตเมื่อปี 2558 ตามนโยบายการจัดระเบียบชายหาดของ คสช. ทำให้ไม่สามารถอนุญาตให้มีการค้าขายบนชายหาดได้ แต่ทางอำเภอได้แก้ปัญหานี้โดยจัดพื้นที่บริเวณชายหาดกมลา ที่อยู่ใกล้กัน และเป็นชายหาดที่ผ่อนผันให้สามารถค้าขายได้ ส่วนประเด็นที่ว่าชาวบ้านต้องการให้ยกเลิกให้หาดแหลมสิงห์พ้นจากหาดอนุรักษ์ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพค้าขายบนชายหาดดังกล่าวได้ต่อไป นั้น จะต้องมีการประชุมหาข้อสรุปกับทางจังหวัดต่อไป.





