ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมนำข้อมูลเสนอรัฐบาลเพื่อวางแนวทางในการดูแลและยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตประมงพื้นบ้านให้มีอาชีพที่มั่นคงควบคู่กับการบริหารทรัพยากรทะเลให้มีความยั่งยืน
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต นายนรภัทรปลอดทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมรับฟัง ปัญหาจากการทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายฉลาด แก้วขาว เกษตรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต, นายศิริพงษ์ พนาสนธิ์ ประมงจังหวัดภูเก็ต, หัวหน้าส่วนราชการและเครือข่ายประมงพื้นบ้านรอบเกาะภูเก็ต 40 ชุมชน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อขอให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาการทำประมงชายฝั่งของกลุ่มประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
นายนรภัทร ปลอดทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากความสำเร็จในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU นับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยในการยกระดับการทำประมงเชิงพาณิชย์ไปสู่มาตรฐานสากล ตลอดจนส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ ตลาดการส่งออกของผลผลิตทางการประมงจะดีขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับการเดินทางมาในครั้งนี้ ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้มารับฟังปัญหาของชาวประมงพื้นบ้าน และจะได้สรุปข้อมูลทั้งหมดจกการลงพื้นที่ ทั้ง 22 จังหวัดที่มีการทำประมง นำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อนำไปใช้ในการวางนโยบายในการดำเนินการช่วยเหลือประมงพื้นบ้านนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ รวมถึงการแก้ปัญหาเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างประมงพื้นบ้านกับประมงเชิงพาณิชย์ภาครัฐต้องทำอย่างไรให้สองฝ่ายอยู่ด้วยกันอย่างสันติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากข้อมูลพบว่าในปัจจุบัน การศึกษาเรื่องของระเบียบกฎหมายข้อปฏิบัติต่างๆมีความสำคัญมากจึงอยากให้ชาวประมงได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายต่างๆให้เข้าใจ เพราะจะเป็นประโยชน์สำหรับชาวประมง
นายศิริพงษ์ พนาสนธิ์ ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าในส่วนของสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและรับฟังปัญหาของชาวประมงพื้นบ้านเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล ขับเคลื่อนการทำประมงสู่ความยั่งยืน ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชาวประมงต่อไป
นายไพศาล สุขปุณพันธ์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงาน ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดมีการยกเลิกการทำโป๊ะน้ำตื้นอย่างเด็ดขาด โดย จังหวัดภูเก็ต มีผู้ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์จำนวน 360 ราย ผลผลิตสัตว์น้ำจากการจับ 89,000 ตัน มีเรือประมงพื้นบ้านที่จดทะเบียนในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 760 ลำ และยังไม่จดทะเบียน อีกประมาณ 400 ลำ ทั้งนี้ได้มีการสื่อสารสร้างการรับรู้ ส่งเสริมพัฒนาการทำอาชีพประมงพื้นบ้าน และการบริหาร ทรัพยากรทางทะเลให้มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยการจัดตั้งกลุ่มไลน์ ประมงพื้นบ้านรอบเกาะภูเก็ต จัดทำเครือข่ายตาสับปะรดประมงพื้นบ้าน เฝ้าระวังควบคุมเรือประมงที่กระทำผิดกฎหมายที่เข้ามาทำประมงในน่านน้ำ มีการขยายผล จัดทำบ้านปลาและซั้งเชือก ทำการพัฒนาอาคารแปรรูปสัตว์น้ำที่บ้านท่าฉัตรไชยเพื่อยกระดับสินค้าประมงพื้นบ้านให้เป็นสินค้าคุณภาพภายใต้Phuket Brand และจัดทํากระชังเลี้ยงปลาเพื่อทดแทนช่วยเหลือชาวประมงจากการยกเลิกโป๊ะน้ำตื้น และพัฒนาโรงซ่อมเครื่องมือประมงพื้นบ้าน ที่อ่าวมะขาม
สำหรับการประชุมในครั้งนี้เครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ตได้ขอให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.เรื่องที่อยู่อาศัยของพี่น้องชาวประมง 2. เรื่อง อาณาเขตพื้นที่ทำประมง 1.5 ไมล์ที่ส่งผลกระทบในการทำประมง และท่าจอดเรือประมงพื้นบ้านซึ่งปัจจุบันชาวประมงใช้วิธีการจอดเรือ โดยวิธีการเกยหาด ซึ่งทำให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อนต้องรอเวลาน้ำขึ้นลงจึงจะสามารถนำเรือออกไปทำการประมงได้ และ 3.เรื่องสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยอยากให้ทางราชการช่วยจัดสรรและพัฒนาพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีมาตรฐานซึ่งจะทำให้ชาวประมงได้นำผลผลิตสัตว์น้ำมาจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำได้ง่ายขึ้น
นายสมศักดิ์ พรหมแก้ว ประธานเครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมี ประมงพื้นบ้านประมาณ 1,200 ลำ พร้อมที่จะช่วยภาครัฐในการพัฒนาการทำประมงให้มีคุณภาพและดูแลสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการขับเคลื่อนการดูแลหน้าบ้านของตนเองด้วยการวางซั้งเชือกเพื่ออนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำในพื้นที่ที่ตนเองทำประมงอยู่ เพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลมีความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืนตลอดไป
นอกจากนี้ นายเกล้า แซ่ลิ่ม ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านและแปรรูปสัตว์น้ำบ้านท่าฉัตรไชย ได้รายงานถึงความสำเร็จของการจัดทำธนาคารปูม้าที่ท่าฉัตรไชย ว่า ปัจจุบันมีการรับซื้อปูม้า จากชาวประมงพื้นบ้านเพื่อนำแม่ปูม้าที่มีไข่ติดกระดองมาขยายพันธุ์ปูมาให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาอาคารโดยนำระบบแผงโซล่าเซลล์มาใช้ในการผลิตไฟฟ้าซึ่งประหยัดไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี และมีการส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เชิงนิเวศทำกิจกรรม Walk Way และลงพื้นที่ไปปล่อยพันธุ์ปูม้า ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาร่วมทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม นายนรภัทร ปลอดทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่าจะเร่งแก้ปัญหาของชาวประมงพื้นบ้านที่ได้รับฟังในวันนี้ ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยของพี่น้องชาวประมง เรื่องการประสานเขตทำประมง 1.5 ไมล์ทะเล และผลักดัน ท่าจอดเรือประมงพื้นบ้านให้มีความชัดเจน ตลอดจนการส่งเสริมสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ให้ชาวประมงได้มีสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด




Pingback: 2carnation