สคบ.ร่วมจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

13925742_1728964807321107_1019385572881608684_o

14067934_1728964820654439_3234750747156711098_o

13996059_1728964903987764_7703120489009291219_o

13925471_1728964983987756_380961833423534838_o

13988266_1728965023987752_1045008548320706467_o 

สคบ.ร่วมจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม  2559  ที่ห้องประชุม POC นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาผู้บริโภคด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านการซื้อขายบ้านจัดสรรและอาคารชุด โดยมี นายศรันยู เสมา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต ส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายอำพล วงศ์ศิริ  กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนให้แก่ผู้บริโภคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไรโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาปัญหาการซื้อขายบ้านจัดสรรและอาคารชุดเป็นปัญหาสำคัญลำดับต้น ๆ ของการร้องเรียนจากผู้บริโภค โดยมีการร้องเรียนในหลายเรื่อง อาทิ เจ้าของโครงการจำนวนมากมีการก่อสร้างก่อนได้รับอนุญาตและรับจองซื้อ เจ้าของโครงการเปิดรับเงินมัดจำและเงินดาวน์ก่อนได้รับอนุญาตก่อสร้าง เจ้าของโครงการไม่ดำเนินการก่อสร้างเลยหรือก่อสร้างล่าช้า หรือผู้บริโภคจองซื้อและชำระเงินดาวน์โดยขากการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ เป็นต้น

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและจังหวัดภูเก็ต พร้อมหน่วยงานท้องถิ่นที่ออกใบอนุญาตจึงได้มีการประชุมร่วมกันในวันนี้เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคในจังหวัดภูเก็ตที่ประสบปัญหาดังกล่าว โดยได้ขอความร่วมมือให้ท้องถิ่นที่ออกใบอนุญาตก่อสร้างตรวจสอบผู้ประกอบการที่ก่อสร้างก่อนได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดและแนะนำผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิจากการกระทำของผู้ประกอบการ ดังนี้ หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากกรณีโครงการผิดสัญญา โดยไม่ก่อสร้างเลยหรือสร้างล่าช้า ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับค่าเบี้ยปรับ โดยให้มีหนังสือแจ้งสงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาก่อนหรือในวันรับโอนกรรมสิทธิ์ มิฉะนั้นจะเสียสิทธิในการเรียกเงินค่าปรับได้ หรือมีสิทธิเลิกสัญญาและขอเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยได้ หากได้รับการปฏิเสธสามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลโดยตรงตาม พรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 เพื่อให้ผู้ประกอบการคืนเงินที่ได้รับชำระไปแล้วทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และไม่ต้องใช้ทนายความ รวมถึงผู้บริโภคสามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจในเขตพื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่ เพื่อดำเนินคดีอาญาได้อีกทางหนึ่ง หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการดำเนินโครงการโดยไม่ได้รับอนุญาตและปฏิเสธความรับผิด

ดังนั้น ก่อนที่ผู้บริโภคจะเข้าทำสัญญา ผู้บริโภคควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นการป้องกันกรณีพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้น โดยผู้บริโภคสามารถสอบถามข้อมูลการร้องเรียนได้จากศูนย์ดำรงธรรม หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สายด่วน 1166

 

10 thoughts on “สคบ.ร่วมจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น