
จังหวัดภูเก็ต มีผู้ติดเชื้อยืนยัน โรคโควิด-19 จำนวน 227 ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 223 ราย เสียชีวิต 3 ราย จำหน่าย 1 ราย
วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ขอแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2563 จังหวัดภูเก็ต มีผู้ติดเชื้อยืนยัน โรคโควิด-19 จำนวน 227 ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 223 ราย เสียชีวิต 3 ราย จำหน่าย 1 ราย
จำนวน ผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ทั้งหมด 15,245 ราย พบเชื้อ 227 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.49 แบ่งเป็น ผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม 8,051 ราย พบเชื้อ 189 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.35 อยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 6 ราย ( รับไว้ในโรงพยาบาล 6 ราย) กลุ่มผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด 574 ราย ไม่พบเชื้อ 574 ราย ตรวจหาเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุก 4,035 ราย พบเชื้อ 38 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.94 จากการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง 2,019 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อ 1,989 ราย ( รอผล 30 ราย ) และขอใบรับรองแพทย์ 184 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อ 178 ราย ( รอผล 6 ราย )
จังหวัดภูเก็ตให้การดูแลประชาชนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทุกคนโดยให้เข้าพักในสถานที่กักตัวที่จังหวัดจัดเตรียมไว้เป็นเวลา 14 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 มีคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศโดยผ่านช่องทางท่าเรือจังหวัดภูเก็ตได้รับการดูแลกักกันตัวให้เข้าพักใน Local Quarantine จำนวน 399 ราย จำหน่าย 321 ราย คงเหลือ 78 ราย (สิงคโปร์ 26 เมียนมา 11 บราซิล 21 UAE 7 มาเลเซีย 8 บังคลาเทศ 5 ) ผลการตรวจคัดกรองสุขภาพ 383 ราย ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
ศบค. มีมติขยายมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เพิ่ม 3 กิจกรรม และ กิจการ ในส่วนของสถาบันศึกษาให้กลับมาเปิดเรียนตามปกติแบบ 100% มีการอนุญาตให้มีการจัดการแข่งขันแบบมีผู้เข้าชม และ สามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งสามารถมีจำนวนผู้โดยสารเต็มตามความจุมาตรฐานทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ในส่วนของแนวทางในการจัดการแข่งขันกีฬา แบบมีผู้เข้าชมนั้น กำหนดจำนวนผู้เข้าชมเป็นสัดส่วนต่อความจุของสนาม โดยจะแบ่งประเภทกีฬาที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กีฬากลางแจ้ง ซึ่งเป็นกีฬาที่ไม่มีการตะโกนเชียร์ อนุญาตให้มีผู้เข้าชมได้ 70% ของความจุสนาม เช่น กอล์ฟ, ยิงธนู, ยิงปืน ส่วนกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กีฬาในร่ม และ มีการตะโกนเชียร์ อนุญาตให้มีผู้เข้าชมได้เพียง 25% ของความจุสนาม เช่น วอลเลย์บอล, มวย, บอสเก็ตบอล โดยทุกกิจกรรม/กิจการ ยังคงต้องปฏิบัติ ตามมาตรการควบคุมโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด
สาธารณสุขเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดบริการตามมาตรการผ่อนคลาย เน้นย้ำประชาชนให้ความสำคัญการรักษาระยะห่างตามแบบฉบับวิถี new normal ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย พกเจลแอลกอฮอล์ไว้ล้างมือ รัฐบาลประกาศยังคงใช้พรก.ฉุกเฉินต่อไปอีกจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งอยู่ภายใต้ความจำเป็นต่างๆ อาทิ การควบคุมการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัว การกักตัว และการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย และมาตรการการควบคุมโรคที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุมในทุกกิจกรรม/กิจการที่เกี่ยวข้อง
