เหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตร่วมกับสภากาชาดไทยจัดอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนต้นแบบด้านการปฐมพยาบาล
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนต้นแบบด้านการปฐมพยาบาล หลักสูตรการให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาล โดยมีนางทิพวิภา สุวรรณรัฐ ที่ปรึกษากิจการเหล่ากาชาด สภากากาชาไทย
นางสุดาวรรณ ปลอดทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต คณะอาจารย์ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัยสภากาชาดไทย สำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด ผู้เข้าอบรมจากชุมชนในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
นางสุดาวรรณ ปลอดทอง กล่าวว่า ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย สภากาชาดไทย มีวิทยาการเครือข่ายให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาล จำนวน 48 คน จาก 12 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดกระบี่ กาฬสินธุ์ บึงกาฬ อุดรธานี มุกดาหาร เลย เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี ลำพูน และภูเก็ต ทั้งนี้สืบเนื่องจากสภากาชาดไทยได้มีการประกาศนโยบายอาสาสมัครและแผนแม่บทการพัฒนาระบบงานอาสาสมัครเมื่อปี พ.ศ. 2557 เพื่อเป็นการรักษาทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าในการขับเคลื่อนชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งด้านการปฐมพยาบาลและเป็นความร่วมมือในการขับเคลื่อนชุมชนทั้งสกากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดและวิทยากรเครือข่ายสภากาชาดไทย ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัยฯ จึงกำหนดจัด “โครงการสร้างเสริมศักยภาพชุมชนต้นแบบด้านการปฐมพยาบาล” หลักสูตรการให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่เป็นอาสาสมัครและจิตอาสา ได้มีความรู้ด้านการปฐมพยาบาล สามารถช่วยเหลือบุคคลอื่นในชุมชน รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของตนเองได้ โดยกำหนดฝึกอบรมจิตอาสาทั้งหมด 6 รุ่น ๆ ละ 60 คน ประกอบด้วย วันที่ 20 มีนาคม 2561 ณ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต กลุ่มเป้าหมายเป็นคณะครู อาจารย์ที่ดูแลงานด้านสุขศึกษาของแต่ละสถาบันการศึกษา วันที่ 27 มีนาคม 2561 โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลรัษฎา กลุ่มเป้าหมายเป็นแกนนำผู้สูงอายุของโรงเรียนผู้สูงอายุ ต. รัษฎา อ. เมือง จ. ภูเก็ต และกำหนดจัดในเดือนเมษายน 2561 อีก 4 รุ่น เป็นกลุ่มเป้าหมายจากแกนนำผู้สูงอายุของโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลเกาะแก้ว อ. เมือง จ. ภูเก็ต นักศึกษา กศน. อ.ถลาง กลุ่มผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดภูเก็ตและกลุ่มอาสาสมัคร อปพร. จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายทั้ง 6 กลุ่ม ได้ช่วยเหลือตนเองและบุคคลในครอบครัว ในสังคมที่ตนเองอยู่อาศัยให้มีความปลอดภัยมากขึ้นต่อไป






