โครงการสร้างและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติ

IMG_5481

IMG_5452

IMG_5453

IMG_5487

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดโครงการสร้างและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติ

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 ที่โรงแรมเดอะพาโก้ ดีไซส์ ต. รัษฎา อ. เมืองภูเก็ต นายชยพล  ธิติศักดิ์  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสร้างและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติ โดยมี นายกอบชัย  บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสนิท  ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ  นายมาหะมะพีสกรี  วาแมผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต  นายประพันธ์  ขันธ์พระแสง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นางบุษยา  ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตและเครือข่ายเตือนภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้าร่วม

นายชยพล  ธิติศักดิ์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าปัจจุบันสถานการณ์ภัยพิบัติมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนและประเทศชาติเป็นจำนวนมาก ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการประสานความร่วมมือและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการภัยพิบัติให้เป็นระบบและมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพเครือข่ายการแจ้งเตือนภัย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำหน้าที่เฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการฝึกอบรมครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับองค์ความรู้และเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการแจ้งเตือนภัยที่เป็นระบบและสามารถใช้เครื่องมือสื่อสารที่มีความทันสมัยในการส่งผ่านข้อมูลสถานการณ์ภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ในพื้นที่ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปวางแผนการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที  รวมถึงเครือข่าย 5 จังหวัดภาคใต้ทะเลฝั่งอันดามันจะมีเครือข่ายเตือนภัยพิบัติที่มีความรู้ ความสามารถเพิ่มขึ้น มีแนวทางในการแจ้งเตือนภัยที่เชื่อมโยงกันระหว่างเครือข่าย หน่วยงานส่วนกลาง อำเภอ จังหวัดและทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ  มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตลอดจนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานราชการและกระจายสู่ประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับทราบ ทำให้สามารถเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติได้ด้วยตนเอง ซึ่งปัจจุบันการรับรู้และการกระจายข้อมูลข่าวสารสามารถกระทำได้อย่างรวดเร็วหลายช่องทาง อาทิ ผ่านระบบโซเชียลมีเดีย Application วิทยุกระจายเสียง  โทรทัศน์  หอเตือนภัย  หอกระจายข่าว วิทยุชุมชน เป็นต้น การได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาชนและการพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้สามารถกระจายข้อมูลข่าวสาร การแจ้งเตือนภัยผ่านเครื่องมือสื่อสารและระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว รวมถึงการมีจิตอาสาและเสียสละทำหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างต่อเนื่องนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญในการร่วมกันสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในชุมชนและจะช่วยลดความสูญเสียจากภัยพิบัติของประเทศได้ในที่สุด

Comments are closed.