จังหวัดภูเก็ต ประชุมสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเลช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 วันแรก เกิดอุบัติเหตุ 8 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บรวม 9 คน ยังไม่มีผู้เสียชีวิตพร้อมย้ำ มาตรการบังคับใช้กฎหมายการสร้างวินัยและจิตสำนึกด้านสังคมและชุมชนอย่างเข้มงวดต่อไป
เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2560 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายมงคล เต็มรัตน์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเลช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ของศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเลช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2560 โดยมี ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายมงคล เต็มรัตน์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุวันที่ 2 ของการรณรงค์ (12 เมษายน 2560) จังหวัดภูเก็ต มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จำนวน 8 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 9 คน เป็นชาย 5 คนและหญิง 4 คน ยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยประเภทของยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงและสาเหตุสูงสุดมาจากการ เมาสุรา ส่วนประเภทถนนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ถนน กรมทางหลวง
โดยมีการตั้งจุดตรวจใน 3 อำเภอ รวม 11 จุดมีผู้ปฏิบัติงาน 486 คน ผลการดำเนินคดี 10 ข้อหาหลัก รวม 1,589คน คดีที่จับกุมมากที่สุดคือไม่สวมหมวกนิรภัย 824 ราย รองลงมาคือไม่มีใบขับขี่ 408 ราย, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 92 ราย , ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 51 ราย,ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ 42ราย, ขับรถย้อนศร 41 ราย, เมาสุรา 36ราย , ขับรถเร็วเกินกำหนด 35 ราย,มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 31 ราย และแซงในที่คับขัน 29 ราย
ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 จังหวัดภูเก็ตจะบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างเข้มงวด โดยตั้งด่านตรวจสกัด ตรวจเรื่องหมวกนิรภัยและเมาแล้วขับ เพื่อลดอุบัติเหตุและส่งเสริมมาตรการด้านสังคมและชุมชนให้มีการบังคับใช้อย่างต่อเนื่องต่อไป
พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างรวดเร็วและทันท่วงที และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบพื้นที่ใดมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ,เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย,หน่วยกู้ชีพกู้ภัยจะต้อง เข้าไปถึงจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็วรีบให้การช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุและเร่งคืนช่องทางจราจรให้เร็วที่สุดซึ่งจะทำให้ลดการแออัดของการจราจรและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้เป็นอย่างดี



